ระบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์


เนื้อหา
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย หมายถึง การใช้อุปกรณ์ดิจิทัล อินเทอร์เน็ต แอปพลิเคชัน และบริการออนไลน์โดยมีความระมัดระวัง รอบคอบ และไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์
หลักการสำคัญ
- ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน
- ตั้งรหัสผ่านให้รัดกุม และเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ
- ระมัดระวังในการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
- ไม่โพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่อาจละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือก่อให้เกิดอันตราย
- หมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์ และแอนติไวรัสอยู่เสมอ
ตัวอย่างภัยที่ควรระวัง
- การถูกแฮกบัญชี
- การหลอกให้โอนเงิน
- การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
- การกลั่นแกล้งออนไลน์ (Cyberbullying)


ตรวจสอบรหัสผ่านของนักเรียนมีความปลอดภัยระดับไหน
การรู้เท่าทันสื่อ คือ ความสามารถในการเข้าถึง วิเคราะห์ ประเมิน และใช้สื่ออย่างมีวิจารณญาณ โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือนข้อมูลหรือโฆษณาชวนเชื่อ
องค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อ
ตั้งคำถาม ว่าสื่อที่เราพบมีจุดประสงค์อะไร?
ตรวจสอบแหล่งที่มา ว่าเป็นองค์กรที่เชื่อถือได้หรือไม่
วิเคราะห์เนื้อหา ว่าข้อมูลมีความเป็นกลางหรือชี้นำ
เปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนเชื่อหรือแชร์
ประโยชน์
ลดโอกาสตกเป็นเหยื่อของ Fake News
สร้างภูมิคุ้มกันในการใช้โซเชียลมีเดีย
ส่งเสริมการเป็นผู้ใช้สื่อที่มีจริยธรรม


ในยุคดิจิทัล ไม่ได้หมายถึงแค่ข่าวที่ผิดพลาด แต่คือข้อมูลเท็จที่ถูก “สร้างขึ้นโดยมีเจตนา” เพื่อหลอกลวง, สร้างความเข้าใจผิด, หวังผลประโยชน์ทางการเงิน, สร้างความเกลียดชัง
เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยให้ข่าวลวงแพร่กระจายและส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น ดังนี้
- โซเชียลมีเดีย (Social Media):
- ความเร็วในการแพร่กระจาย: แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, X (Twitter), LINE, และ TikTok ถูกออกแบบมาให้การ “แชร์” ทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้ข่าวลวงสามารถแพร่กระจายไปสู่คนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้นเหมือนไวรัส
- อัลกอริทึม (Algorithm): ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมของเราและป้อนข้อมูลที่เราน่าจะชอบมาให้ดูซ้ำๆ ทำให้เกิด สภาวะห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) ที่เราจะเห็นแต่ข้อมูลที่ตรงกับความคิดของเรา และทำให้ข่าวลวงดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพราะเห็นแต่คนคิดเหมือนกัน
- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Generative AI):
- ดีปเฟก (Deepfake): เป็นการใช้ AI สังเคราะห์วิดีโอหรือเสียงของบุคคลให้พูดหรือทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำจริง มีความสมจริงสูงมากจนแยกแทบไม่ออก ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มใช้เทคนิคนี้ในการวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน
- การสร้างภาพและเนื้อหาอัตโนมัติ: AI สามารถสร้างภาพหรือเขียนบทความข่าวที่ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาได้ทั้งหมด ทำให้การผลิตข่าวปลอมทำได้ในปริมาณมหาศาลและมีต้นทุนต่ำ
- การสร้างตัวตนนิรนาม (Anonymity):
- โลกดิจิทัลเอื้อให้เกิดการสร้างบัญชีอวตาร (Avatar) หรือ “แอคหลุม” ได้ง่าย เพื่อใช้ในการปล่อยข่าวโจมตี, ปั่นกระแส, หรือสร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ
ผลกระทบของข่าวลวงในยุคดิจิทัล
ผลกระทบจากข่าวลวงนั้นรุนแรงและซับซ้อนกว่าแค่การเข้าใจผิด แต่ส่งผลเสียในทุกระดับ
1. ผลกระทบต่อบุคคล
- การสูญเสียทรัพย์สิน: ถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การหลอกให้ลงทุน (Scam) ที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง, หรือการหลอกให้ซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่มีคุณภาพ
- การทำลายชื่อเสียง: การใช้ภาพหรือข้อมูลส่วนตัวไปตัดต่อบิดเบือนเพื่อสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคลนั้นๆ
- ผลกระทบทางจิตใจ: สร้างความสับสน, ความเครียด, ความหวาดระแวง และทำลายความไว้วางใจระหว่างบุคคล
2. ผลกระทบต่อสังคม
- การสร้างความแตกแยกและความขัดแย้ง: ข่าวลวงมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง, สังคม, หรือศาสนา ทำให้สังคมอ่อนแอลง
- การบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันหลัก: ทำลายความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อสื่อมวลชน, หน่วยงานภาครัฐ, และสถาบันทางการแพทย์ ทำให้เมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้องออกมา ประชาชนกลับไม่เชื่อถือ
- วิกฤตด้านสาธารณสุข: การเผยแพร่ข้อมูลสุขภาพที่ผิดๆ เช่น การต่อต้านวัคซีน หรือการแนะนำวิธีรักษาโรคแบบที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ นำไปสู่การเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
- ความผันผวนของตลาดหุ้น: ข่าวลวงเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนหรือนโยบายเศรษฐกิจ สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้
- การทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว: การสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับภัยพิบัติ, โรคระบาด, หรือความไม่ปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว สามารถทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางมาและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
- ความเสียหายต่อแบรนด์สินค้า: สินค้าหรือบริการอาจถูกโจมตีด้วยข่าวลวง ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและเลิกใช้สินค้าได้
วิธีหลีกเลี่ยงข่าวลวง
- ตรวจสอบจากแหล่งข่าวหลัก เช่น สำนักข่าวที่มีชื่อเสียง
- อย่าแชร์ข่าวทันที ควรอ่านให้ครบถ้วน
- สังเกตภาษาที่ใช้ ถ้ามีลักษณะขันอารมณ์ มักไม่ใช่ข่าวจริง
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 (ฉบับปรับปรุง)
เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดและบทลงโทษเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างผิดกฎหมาย
ตัวอย่างความผิดตาม พ.ร.บ.
- การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต (เช่น แฮกบัญชี)
- การส่งข้อมูลอันเป็นเท็จ เช่น ข่าวปลอม หรือหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิด
- การเผยแพร่ภาพโป๊ เปลือย ลามกอนาจาร
- การหมิ่นประมาททางออนไลน์ เช่น การใส่ร้ายหรือด่าทอผ่านสื่อโซเชียล
บทลงโทษ
มีทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ เช่น
- เข้าระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำคุกไม่เกิน 2 ปี
- เผยแพร่ข่าวเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหาย: จำคุกไม่เกิน 5 ปี
แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง
- ใช้สื่อออนไลน์อย่างรับผิดชอบ
- ไม่โพสต์ข้อความโดยไม่ไตร่ตรอง
- เคารพสิทธิของผู้อื่นในโลกออนไลน์