ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม

ม.3/3 ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิด เพื่อการใช้งานอย่างรู้เท่าทัน

ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคมปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม

1.นักเรียนสามารถวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างถูกต้องและปลอดภัยได้(K)
2.นักเรียนสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลและเสนอแนวทางในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยได้(P)
3.นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างถูกต้องและปลอดภัย(P)
4.นักเรียนต้องมีความรับผิดชอบและเห็นความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์(A)

การรู้เท่าทันในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการปฏิบัติเมื่อพบกับข่าวลวงหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ในขณะที่การใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบจะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ที่จะ เกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศลดน้อยลง

1.ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิดเพื่อการใช้งานอย่างรู้เท่าทัน

2.ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม

1.ความสามารถในการสื่อสาร

2.ความสามารถในการคิด

3.ความสามารถในการแก้ปัญหา

4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

1.มีวินัย

2.ใฝ่เรียนรู้

3.มุ่งมั่นในการทำงาน

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย หมายถึง การใช้อุปกรณ์ดิจิทัล อินเทอร์เน็ต แอปพลิเคชัน และบริการออนไลน์โดยมีความระมัดระวัง รอบคอบ และไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์

หลักการสำคัญ

  • ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน
  • ตั้งรหัสผ่านให้รัดกุม และเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ
  • ระมัดระวังในการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • ไม่โพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่อาจละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือก่อให้เกิดอันตราย
  • หมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์ และแอนติไวรัสอยู่เสมอ

ตัวอย่างภัยที่ควรระวัง

  • การถูกแฮกบัญชี
  • การหลอกให้โอนเงิน
  • การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
  • การกลั่นแกล้งออนไลน์ (Cyberbullying)

ตรวจสอบรหัสผ่านของนักเรียนมีความปลอดภัยระดับไหน

การรู้เท่าทันสื่อ คือ ความสามารถในการเข้าถึง วิเคราะห์ ประเมิน และใช้สื่ออย่างมีวิจารณญาณ โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือนข้อมูลหรือโฆษณาชวนเชื่อ

องค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อ

ตั้งคำถาม ว่าสื่อที่เราพบมีจุดประสงค์อะไร?

ตรวจสอบแหล่งที่มา ว่าเป็นองค์กรที่เชื่อถือได้หรือไม่

วิเคราะห์เนื้อหา ว่าข้อมูลมีความเป็นกลางหรือชี้นำ

เปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนเชื่อหรือแชร์

ประโยชน์

ลดโอกาสตกเป็นเหยื่อของ Fake News

สร้างภูมิคุ้มกันในการใช้โซเชียลมีเดีย

ส่งเสริมการเป็นผู้ใช้สื่อที่มีจริยธรรม

ในยุคดิจิทัล ไม่ได้หมายถึงแค่ข่าวที่ผิดพลาด แต่คือข้อมูลเท็จที่ถูก “สร้างขึ้นโดยมีเจตนา” เพื่อหลอกลวง, สร้างความเข้าใจผิด, หวังผลประโยชน์ทางการเงิน, สร้างความเกลียดชัง

เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยให้ข่าวลวงแพร่กระจายและส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น ดังนี้

  1. โซเชียลมีเดีย (Social Media):
    • ความเร็วในการแพร่กระจาย: แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, X (Twitter), LINE, และ TikTok ถูกออกแบบมาให้การ “แชร์” ทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้ข่าวลวงสามารถแพร่กระจายไปสู่คนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้นเหมือนไวรัส
    • อัลกอริทึม (Algorithm): ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมของเราและป้อนข้อมูลที่เราน่าจะชอบมาให้ดูซ้ำๆ ทำให้เกิด สภาวะห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) ที่เราจะเห็นแต่ข้อมูลที่ตรงกับความคิดของเรา และทำให้ข่าวลวงดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพราะเห็นแต่คนคิดเหมือนกัน
  2. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Generative AI):
    • ดีปเฟก (Deepfake): เป็นการใช้ AI สังเคราะห์วิดีโอหรือเสียงของบุคคลให้พูดหรือทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำจริง มีความสมจริงสูงมากจนแยกแทบไม่ออก ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มใช้เทคนิคนี้ในการวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน
    • การสร้างภาพและเนื้อหาอัตโนมัติ: AI สามารถสร้างภาพหรือเขียนบทความข่าวที่ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาได้ทั้งหมด ทำให้การผลิตข่าวปลอมทำได้ในปริมาณมหาศาลและมีต้นทุนต่ำ
  3. การสร้างตัวตนนิรนาม (Anonymity):
    • โลกดิจิทัลเอื้อให้เกิดการสร้างบัญชีอวตาร (Avatar) หรือ “แอคหลุม” ได้ง่าย เพื่อใช้ในการปล่อยข่าวโจมตี, ปั่นกระแส, หรือสร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ

ผลกระทบของข่าวลวงในยุคดิจิทัล

ผลกระทบจากข่าวลวงนั้นรุนแรงและซับซ้อนกว่าแค่การเข้าใจผิด แต่ส่งผลเสียในทุกระดับ

1. ผลกระทบต่อบุคคล

  • การสูญเสียทรัพย์สิน: ถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การหลอกให้ลงทุน (Scam) ที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง, หรือการหลอกให้ซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่มีคุณภาพ
  • การทำลายชื่อเสียง: การใช้ภาพหรือข้อมูลส่วนตัวไปตัดต่อบิดเบือนเพื่อสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคลนั้นๆ
  • ผลกระทบทางจิตใจ: สร้างความสับสน, ความเครียด, ความหวาดระแวง และทำลายความไว้วางใจระหว่างบุคคล

2. ผลกระทบต่อสังคม

  • การสร้างความแตกแยกและความขัดแย้ง: ข่าวลวงมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง, สังคม, หรือศาสนา ทำให้สังคมอ่อนแอลง
  • การบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันหลัก: ทำลายความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อสื่อมวลชน, หน่วยงานภาครัฐ, และสถาบันทางการแพทย์ ทำให้เมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้องออกมา ประชาชนกลับไม่เชื่อถือ
  • วิกฤตด้านสาธารณสุข: การเผยแพร่ข้อมูลสุขภาพที่ผิดๆ เช่น การต่อต้านวัคซีน หรือการแนะนำวิธีรักษาโรคแบบที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ นำไปสู่การเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

  • ความผันผวนของตลาดหุ้น: ข่าวลวงเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนหรือนโยบายเศรษฐกิจ สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้
  • การทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว: การสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับภัยพิบัติ, โรคระบาด, หรือความไม่ปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว สามารถทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางมาและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
  • ความเสียหายต่อแบรนด์สินค้า: สินค้าหรือบริการอาจถูกโจมตีด้วยข่าวลวง ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและเลิกใช้สินค้าได้

วิธีหลีกเลี่ยงข่าวลวง

กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 (ฉบับปรับปรุง)
เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดและบทลงโทษเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างผิดกฎหมาย

ตัวอย่างความผิดตาม พ.ร.บ.

  • การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต (เช่น แฮกบัญชี)
  • การส่งข้อมูลอันเป็นเท็จ เช่น ข่าวปลอม หรือหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิด
  • การเผยแพร่ภาพโป๊ เปลือย ลามกอนาจาร
  • การหมิ่นประมาททางออนไลน์ เช่น การใส่ร้ายหรือด่าทอผ่านสื่อโซเชียล

บทลงโทษ
มีทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ เช่น

  • เข้าระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำคุกไม่เกิน 2 ปี
  • เผยแพร่ข่าวเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหาย: จำคุกไม่เกิน 5 ปี

แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง

  • ใช้สื่อออนไลน์อย่างรับผิดชอบ
  • ไม่โพสต์ข้อความโดยไม่ไตร่ตรอง
  • เคารพสิทธิของผู้อื่นในโลกออนไลน์

ติดต่อเรา